หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า Cashew nut และยังมีชื่อเรียกอีกหลากหลายในภาษาไทย ตามแต่ลักษณะภูมิภาคที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น มะม่วงสิโห กายี กะแตแก ยาโงย มะหม่วงกุหล่า เป็นต้น
โดยผลสุกจะมีแดงหรือเหลือง ส่วนของผลจะมีเมล็ดยื่นออกมา เป็นส่วนที่เรานิยมนำเอามารับประทาน และนำมาประยุกต์ในการทำอาหารได้หลากหลายเมนู
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นอาหารประเภทถั่ว ที่เรานิยมรับประทานกันอย่างหลากหลาย เป็นหนึ่งในถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
เมื่อเทียบกับถั่วประเภทอื่นๆ แล้ว ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ประมาณ 1 กำมือ (28กรัม) หรือประมาณ 16-20 เมล็ด จะมีพลังงานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 160 แคลอรี่ มีโปรตีน 4 กรัม ปริมาณไขมันทั้งหมด 13 กรัม แบ่งออกเป็นไขมันชนิดอิ่มตัว 3 กรัม และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน 10 กรัม
แสดงให้เห็นว่า ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้น มีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน ประเภทไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
นอกจากนั้นแล้ว ยังประกอบไปด้วยสารอาหาร ทั้งคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม วิตามิน โปรตีน แมงกานีส โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี โซเดียม และอื่นๆ ในเม็ดมะมวงหิมพานต์ ยังมีปริมาณเส้นใยสูง เมื่อเทียบกับถั่วประเภทอื่นๆ อีกด้วย
ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ได้รับการยอมรับในเรื่องของการช่วยป้องกันโรค ช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือด ชนิด LDL ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน ปัญหาเลนส์ตาเสื่อม ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี โรคความดัน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำ ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากปริมาณไขมันที่สูงในตัวของมัน ส่งผลให้ผิวหนังมีความชุ่มชื่น ช่วยบำรุงเส้นผม
กากใยที่มีในเมล็ด ยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น กระตุ้นระบบขับถ่ายสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก และแมกนีเซียมที่พบในเมล็ด ยังช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งจัดอยู่ในประเภทของถั่วที่มีปริมาณไขมันมาก แต่ส่วนใหญ่แล้ว ปริมาณไขมันที่พบ เป็นประเภทไขมันชนิดไม่อิ่มตัวถึง 75%
การรับประทานไขมันที่ได้จากถั่ว จะเข้าไปทำหน้าที่ ที่ตรงกันข้ามกับไขมันชนิดอิ่มตัว และเมล็ดยังช่วยให้เราอิ่มท้องได้นานขึ้น ลดความอยากอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน
เครดิต คัดลอกข้อความดีๆมาจาก
http://www.plerne.com/
No comments:
Post a Comment